รายละเอียดข่าว |
เด็กไทยจมน้ำตายวันละ 3 คน โดยเฉพาะ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม
การช่วยชีวิตห้ามจับอุ้มพาดบ่า แต่ต้องเป่าปากและนวดหัวใจ
นายเกียรติพงษ์ วงศ์ษา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง ได้รับแจ้งจาก นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ว่า การจมน้ำเสียชีวิตของเด็กไทยว่า การตกน้ำ จมน้ำ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 1 ของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ในกลุ่มเด็กเล็กนั้น มักจมน้ำในภาชนะขนาดเล็กที่อยู่ภายในบ้าน เช่น ถัง กะละมัง โอ่ง หรือผู้ปกครอง/ผู้ดูแลเด็ก ปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังในช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เข้าห้องน้ำ คุยโทรศัพท์ ทำกับข้าว ในกลุ่มเด็กโต การจมน้ำมักเกิดจากการชวนกันไปเล่นน้ำ เด็กวัยนี้จะเสียชีวิตพร้อมกันครั้งละหลายๆคน เนื่องจากหนีผู้ใหญ่ไปเล่นน้ำกันเอง หรือพลัดตกน้ำเพราะเดินใกล้ขอบบ่อเกินไป หรือเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก พอเห็นเพื่อนหรือน้องตกน้ำ ก็กระโดดลงไปช่วย แต่สุดท้ายก็จะถูกกอดรัดและจมน้ำไปด้วยกัน
ในการป้องกันเด็กจมน้ำ สำหรับเด็กเล็ก ควรมีคอกกั้นเด็กเวลาผู้ปกครองทำกับข้าว เข้าห้องน้ำ เปิด-ปิดประตูบ้าน เป็นต้น หรือเฝ้าดูตลอดเวลา ไม่ให้เด็กคลาดสายตาแม้เพียงชั่วขณะ สำหรับเด็กโต สอนให้รู้จักกฎความปลอดภัยทางน้ำด้วยหลัก 3 ก. คือ อย่าใกล้: เมื่อเจอแหล่งน้ำ อย่าเข้าไปใกล้ อย่าเก็บ: เมื่อเห็นสิ่งของตกลงไปในน้ำ อย่าเก็บเอง ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยเก็บให้ อย่าก้ม: อย่าก้ม หรือชะโงกลงไปในอ่างน้ำ ตุ่มน้ำ ถุงน้ำ เมื่อช่วยเด็กขึ้นมาจากน้ำ ห้ามจับอุ้มพาดบ่า หรือวางบนกระทะคว่ำ เพื่อเอาน้ำออกเพราะเป็นวิธีที่ผิด และจะทำให้เด็กขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้น ควรรีบช่วยด้วยการเป่าปากและนวดหัวใจ และนำส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
|